กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยแอร์เป็นแหล่งสะสมความชื้น ทั้งตัวแอร์และท่อแอร์ มีผลให้เชื้อโรคเจริญเติบโต แนะควรล้างแอร์เป็นประจำ ลดเสี่ยงปอดอักเสบ
Gclubthnarok นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ในช่วงหน้าร้อนจะมีอากาศร้อนกว่าปกติทำให้หลายคนมีความจำเป็นต้องเปิดแอร์เพื่อคลายความร้อนในเวลากลางวันและกลางคืน อาทิ ที่ทำงาน ที่บ้าน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ซึ่งภายในแอร์นั้นมีความชื้นจำนวนมากและอาจเป็นสาเหตุให้เชื้อโรคเจริญเติบโต โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียลิจิโอเนลลานิวโมฟิวลา หากหายใจเอาละอองน้ำที่มีเชื้อนี้ปนเปื้อนเข้าไป จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยลักษณะอาการมี 2 แบบคือ แบบปอดอักเสบรุนแรง จะมีอาการไข้ขึ้นสูง ไอ หนาวสั่น เรียกว่าโรคลิเจียนแนร์ และแบบที่จะมีลักษณะคล้ายไข้หวัดใหญ่หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไข้ปอน ตีแอกหรือปอนเตียก
“แอร์ที่ใช้ทั่วไปจะมี 2 ระบบ คือ 1) แอร์แบบระบบรวม เมื่อไม่ได้ใช้ควรปล่อยน้ำทิ้งจากหอหล่อเย็นให้แห้งหลังจากนั้นก็ทำความสะอาดและใช้น้ำยาที่ผสมคลอรีนที่มีความเข้มข้น 10 ppm เข้าไปที่ท่อผึงเย็นให้ทั่วถึง ทั้งระบบอย่างน้อย 3-6 ชั่วโมง แล้วรักษาระดับคลอรีนให้มีความเข้มข้นไม่น้อยกว่า 0.2 ppm โดยการทำความสะอาดหอหล่อเย็นอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อเดือน และ 2) แอร์ในห้องพัก ควรทำความสะอาดถาดรองทุกๆ 1-2 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้มีตะไคร่เกาะและเมื่อเปิดแอร์ควรสังเกตว่าอากาศที่ออกมาจากแอร์มีกลิ่นเหม็นหรือมีกลิ่นอับหรือไม่ หากมีกลิ่น ในเบื้องต้นควรล้างทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศที่อยู่ในแอร์ด้วยน้ำสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หากล้างทำความสะอาดแล้วกลิ่นไม่หาย ควรเรียกช่างเพื่อทำความสะอาดเต็มระบบ ซึ่งการล้างแอร์เต็มระบบ ควรล้างอย่างน้อยปีละครั้ง แต่หากใช้เป็นประจำควรล้างอย่างน้อย 6 เดือนต่อครั้ง เพราะนอกจากลดเชื้อโรคแล้วยังช่วยประหยัดไฟฟ้าได้อีกด้วย” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ขอขอบคุณภาพและข้อมูล จาก thaihealth.or.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น