Gclubthnarok เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 เฟซบุ๊ก สมุนไพรอภัยภูเบศร ได้โพสต์ข้อความเตือนการรับประทานสมุนไพรป่าช้าเหงา ป่าช้าหมอง หรือหนานเฉาเหว่ย ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดว่า หากทานเข้มข้นเกินไปจะเป็นอันตรายได้ หลังพบผู้ป่วยชายไทย อายุ 64 ปี มีโรคประจำตัวทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ เข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ด้วยอาการหน้ามืด เหนื่อยมากขึ้น เหงื่อแตก ใจสั่น อ่อนแรง ซึ่งเมื่อแพทย์เจาะเลือดวัดระดับน้ำตาลในเลือด กลับพบว่าเหลือเพียง 50 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
กระทั่งวันที่ 18 กันยายน ผู้ป่วยได้ฉีดยาเบาหวานตอนเช้า พร้อมกับทานยารักษาเบาหวานก่อนอาหาร ร่วมกับจิบน้ำป่าช้าเหงา 3 แก้วกาแฟ จนตอนเที่ยงมีอาการน้ำตาลตก จึงได้มาโรงพยาบาล โดยช่วงที่ดื่มน้ำป่าช้าเหงา ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะบ่อย ขาที่เคยบวมยุบลง และค่าความดันโลหิตตัวบนลดลงจากปกติที่อยู่ราว ๆ 170 มิลลิเมตรปรอท เหลือ 110 มิลลิเมตรปรอท
ทั้งนี้ จากกรณีดังกล่าว เภสัชกรของโรงพยาบาลอภัยภูเบศร จึงได้เตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการใช้ยาสมุนไพร โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรัง อย่างโรคความดันโลหิต เบาหวาน ควรใช้ยาตามแพทย์สั่งเป็นหลัก และต้องสังเกตความผิดปกติ ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนรับประทาน เพราะปัจจัยในแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน
สำหรับสมุนไพรป่าช้าเหงานั้น หากจะรับประทานควรปฏิบัติดังนี้
* กรณีกินเป็นอาหารเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน
* กรณีกินเป็นยา เช่น เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือกินบำรุงร่างกาย
- ต้มกิน ใบเท่าฝ่ามือ 3 ใบ ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ต้มพอเดือด 3-5 นาที ดื่ม 250 มิลลิลิตร ก่อนอาหารเช้า วันละ 1 ครั้ง ตอนตื่นนอน กินบ้างหยุดบ้าง
ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้กินทุกวัน หรือกินต่อเนื่อง เพราะเป็นยาเย็น และห้ามใช้ป่าช้าเหงาในคนไข้ที่ทานยาละลายลิ่มเลือดชื่อวาร์ฟาริน เพราะอาจเสริมฤทธิ์ยา รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ และผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับและไตบกพร่อง ผู้ปวยเลือดจาง ส่วนผู้ที่มีควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีอยู่แล้ว ไม่ควรทานเป็นยา อย่างไรก็ตาม ผู้รับประทานควรสังเกตอาการผิดปกติด้วย หากมีอาการความดันโลหิตตก น้ำตาลตก วิงเวียน หน้ามืด ใจสั่น ควรหยุดรับประทานทันที
ขอขอบคุณภาพและข้อมูล จาก health.kapook.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น