Gclubthnarok กลายเป็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกลางวงประชาพิจารณ์แก้ไขปรับปรุง (ร่าง) พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .. หรือกฎหมายบัตรทองอีกครั้ง เมื่อในวันที่ 18 มิถุนายน 2560 เครือข่ายคนรักหลักประกันสุขภาพกว่า 200 คน เดินทางมาคัดค้านการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายบัตรทอง หน้าโรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ก่อนจะมีการยื้อแย่งป้ายคัดค้านให้ยุติการแก้กฎหมายบัตรทอง จนเกิดความชุลมุนขึ้น ภายหลังจึงควบคุมสถานการณ์ได้โดยที่กลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักอยู่หน้าห้องประชุมอย่างสงบ
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้คัดค้านการแก้กฎหมายบัตรทองกลางเวทีประชาพิจารณ์ เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการจัดเวทีประชาพิจารณ์มาแล้ว 3 ครั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดสงขลา และจังหวัดขอนแก่น แต่ก็มีภาคประชาชนออกมาคัดค้านทุกครั้ง รวมทั้งมีการวอล์กเอาท์ จนเวทีประชาพิจารณ์ต้องล่มไปโดยปริยาย
หลายคนที่ไม่ได้ติดตามข่าวอาจสงสัยว่า ทำไมจึงต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 และเหตุใด ? จึงมีผู้ออกมาคัดค้านการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายฉบับนี้ หรือการออกกฎหมายบัตรทองฉบับใหม่จะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ากว่า 48.8 ล้านคนทั่วประเทศหรือไม่ อย่างไร...มาหาคำตอบไปด้วยกัน
คณะกรรมการร่างกฎหมาย ให้เหตุผลว่า พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ซึ่งใช้มานานถึง 15 ปีเต็ม มีข้อจำกัดหลายประการที่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารจัดการเงินกองทุน ทำให้เงินงบประมาณที่โรงพยาบาลได้รับไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังไม่สามารถนำเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมาอุดหนุนเป็นค่าใช้จ่ายให้กับโรงพยาบาลได้ เพราะติดขัดในข้อกฎหมายที่ไม่อนุญาตให้ทำ
ด้วยเหตุนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงออกคำสั่ง คสช. ตามมาตรา 44 ให้แก้ปัญหาดังกล่าว เพื่อให้การบริหารจัดการงบของโรงพยาบาลมีความคล่องตัวขึ้น นำมาซึ่งการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง และการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ในการแก้ไขปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ รัฐบาลได้จัดให้มีการทำประชาพิจารณ์รับฟังเสียงจากผู้เกี่ยวข้องเพื่อนำมาประกอบการพิจารณา โดยตั้งเป็น 14 ประเด็นที่ให้ทุกคนได้ร่วมแสดงความคิดเห็น ดังนี้
1. ควรจ่ายเงินให้กับหน่วยงานอื่นของรัฐที่สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค หรือองค์กรชุมชน องค์กรเอกชน และภาคเอกชนที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการแสวงหาผลกำไรหรือไม่ ?
2. ระบุให้โรงพยาบาลมีสิทธิ์ในการได้รับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุข และค่าใช้จ่ายเพื่อการบริการสาธารณสุขจากกองทุน เพื่อให้โรงพยาบาลสามารถใช้จ่ายเงินเป็นค่าใช้จ่ายประจำ ค่าใช้จ่ายเพื่อชดเชยค่าเสื่อม และค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นได้หรือไม่ ?
3. ควรให้ สปสช. จ่ายเงินโดยตรงแก่บุคลากรที่ให้บริการ โดยไม่จ่ายผ่านหน่วยบริการตามกฎหมายกำหนดหรือไม่ ?
4. ควรให้เงินเหมาจ่ายรายหัวและเงินที่ได้จากผลงานบริการของหน่วยบริการ ให้รับเข้าเป็นรายได้ของหน่วยบริการเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและจำเป็น และใช้ตามระเบียบเงินบำรุงฯ ได้หรือไม่ ?
5. ควรแก้นิยามคำว่า "บริการสาธารณสุข" จากเดิมที่หมายความว่า บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขซึ่งให้โดยตรงแก่บุคคล แก้เป็น "บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขซึ่งให้แก่บุคคล" ซึ่งจะทำให้สามารถใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นหรือไม่ ?
6. ควรแก้ไขให้การจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุขหรือไม่ และให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุขในทุกสิทธิ์ได้หรือไม่ ?
7. ควรแก้ไขให้สามารถให้เงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้รับบริการทุกสิทธิ์ได้หรือไม่ และควรยกเลิกการไล่เบี้ยหรือไม่ ?
8. ควรใช้เงินกองทุน สปสช. เพื่อจัดระบบหลักประกันสุขภาพให้ครอบคลุมทุกคนที่อยู่บนแผ่นดินไทยหรือไม่ ?
9. ควรมีการร่วมจ่ายค่าบริการให้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือไม่ ?
10. ควรให้ สปสช. มีอำนาจในการร่วมจัดซื้อยาเวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นหรือไม่ ?
11. ควรปรับโครงสร้างคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพิ่มขึ้นจากเดิม 30 คน เป็น 32 คน โดยเพิ่มผู้แทนโรงพยาบาล ผู้แทนวิชาชีพด้านสาธารณสุข และลดผู้แทนส่วนราชการ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและผู้ทรงคุณวุฒิให้มีจำนวนน้อยลงหรือไม่ ?
12. ควรปรับโครงสร้างคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุขเพิ่มขึ้นจากเดิม 35 คน เป็น 42 คน โดยเพิ่มรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนโรงพยาบาล และลดผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือไม่ ?
13. ควรแยกเงินเดือนและค่าตอบแทนของหน่วยบริการภาครัฐส่วนที่ซ้ำซ้อนในการบริหารจัดการออกจากเงินกองทุน สปสช. หรือไม่ ?
14. กรณีของ สปสช. ควรกำหนดให้งบบริหารจัดการและเงินรายได้ของสำนักงานไม่ต้องส่งคืนคลังเป็นรายได้ของแผ่นดินหรือไม่ และควรกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครเป็นเลขาธิการ ให้เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่เป็นกิจการอันเป็นสาธารณประโยชน์และไม่ได้แสวงหาผลกำไร รวมทั้งไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ?
ขอขอบคุณภาพและข้อมูล จาก health.kapook.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น